กัมพูชา ประสานทัพเรือไทย สกัดจับเรือบรรทุกน้ำมันเข้าไทย

กัมพูชา ประสานทัพเรือไทย สกัดจับเรือบรรทุกน้ำมันเข้าไทย

หน่วยความมั่นคงทางยุทธวิธี เลขาธิการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติกัมพูชา ประสานความร่วมมือ ทัพเรือภาคที่ 1 กองทัพเรือ และ กองทัพเรือกัมพูชา ตรวจสอบ สกัดจับเรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดใหญ่ ไม่ดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายของประเทศกัมพูชา และไม่มีการแจ้ง  เดินเรือผิดเส้นทางเข้ามาในเขตน่านน้ำไทย  และขอให้ ทัพเรือไทยผลักดันเรือกลับสู่น่านน้ำกัมพูชา เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ผู้บัญชาการ ทัพเรือภาคที่ 1 ส่งเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง เฝ้าระวัง พร้อมประสานหน่วยงานเกี่ยงข้องตรวจสอบ

  เรื่องนี้ได้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อ วันที่ 22 มิถุนายน 2564  ต่อเมื่อ หน่วยความมั่นคงทางยุทธวิธี เลขาธิการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติกัมพูชา โดย พลเรือเอก เตีย โซ๊ะคา รองผู้บัญชาการทหารเรือกัมพูชา /ผู้บัญชาการ กองบัญชาการทางยุทธวิธีและเลขาธิการความมั่นคงทางทะเลแห่งชาติกัมพูชา ได้ประสานความร่วมมือมายัง  พลเรือโท โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการ ทัพเรือภาคที่ 1 กองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และประสานไปยัง กองทัพเรือกัมพูชาว่าได้มีเรือบรรทุกน้ำมัน ชื่อ STROVOLOS MMSI:309562000 IMO NUMBER: 9178056 Flag:Bahamas Call Sign: C6UU8 Type:8-Tanker Lenhth:183 M Beam: 32 M Draft:12  M ได้รับน้ำมันดิบจากแหล่งชุดเจาะน้ำมันดิบในประเทศกัมพูชา โดยไม่ได้แจ้งดำเนินการตามขั้นตอนของประเทศกัมพูชา

อีกทั้งได้นำน้ำมันดิบที่บรรทุกมาในเรือเดินทางเข้ามายังน่านน้ำไทย และไม่มีการแจ้งให้กองทัพเรือกัมพูชา และรัฐบาลกัมพูชาทราบ  ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายของประเทศกัมพูชา จึงได้ขอความร่วมมือให้ กองทัพเรือไทย ตรวจสอบ สกัด ควบคุมเรือลำดังกล่าวพร้อมผลักดันกลับสู่น่านน้ำกัมพูชา เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

  พลเรือโท โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1

พลเรือโท โกวิท อินทร์พรหม ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับการประสานจาก พลเรือเอก เตีย โซ๊ะคา แล้ว จึงได้รายงานให้ พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหาเรือ ทราบพร้อมรายงานการปฎิบัติตามที่ได้รับการร้องขอความร่วมมือ จึงได้สั่งการให้ เรือ ต.264 ปรับแผนการลาดตระเวนเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมกับชุดปฎิบัติการพิเศษ ทัพเรือภาคที่ 1  เพื่อเฝ้าระวังอยู่บริเวณท่าเทียบเรือมาบตาพุด

  อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมในการปฎิบัติเมื่อกองทัพเรือสั่งการ เพราะเรือบรรทุกน้ำมันลำดังกล่าว ได้จอดทิ้งสมออยู่บริเวณอ่าวท่าเรือมาบตาพุด พิกัด แลตติจูด 12 องศา 34.44 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 101 องศา 14.4 ลิปดาตะวันออก อีกทั้งได้ประสานไปยังศูนย์ประสานงาน และอำนวยความสะดวกในการเดินเรือ (VTMS)ของสำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ในการติดตามตำบลที่เรือตลอด 24 ชั่วโมง

   และได้กล่าวอีกว่าการปฎิบัติงานครั้งนี้ ต้องดำเนินการร่วมกันหลายหน่วยงานในภาระหน้าที่ของ ศรชล.ภาค 1 หรือศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 1 โดยต้องบูรณาการร่วมกับ ตำรวจน้ำ สัตหีบ สรรพสามิตพื้นที่ระยอง สำนักงานศุลกากรมาบตาพุด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง  สำหนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่า เรือลำนี้เดินทางมายังบริเวณจุดทิ้งสมอ ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2564 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขนถ่ายสินค้าอันตราย ประเภท LSJO/LSMGO จำนวน 840/50 ตันกรอส โดยขอนุญาตขนถ่ายระหว่าง วันที่ 19-23 มิ.ย.64  โดยที่ไม่มียอดจำนวนสินค้าบนเรือที่แจ้งเข้า และพบอีกว่า เรือบลำนี้ได้เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 64 โดยไม่มีจำนวนสินค้าบนเรือ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ทางประเทศกัมพูชา ได้ขอความร่วมมือในการตรวจสอบ สกัด พร้อมผลักดันให้กลับเข้าไปในน่านน้ำกัมพูชาในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากมีข้อมูลว่า เรือลำนี้เมื่อรับน้ำมันดิบจากแท่นขุดเจาะแล้ว จะต้องเดินเรือไปส่งสินค้ายังประเทศสิงคโปร์  โดยไม่ผ่านเข้าในประเทศไทย แต่ครั้งนี้การเดินเรือ และนำเรือออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมัน โดยไม่ได้แจ้วให้กองทัพเรือกัมพูชาทราบ อีกทั้งได้เดินเรือมุ่งหน้าเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งผิดเส้นทางตามข้อตกลงในการบรรทุกน้ำมันดินระหว่างประเทศกัมพูชา จึงต้องขอความร่วมมือจากกองทัพเรือไทย และผ่านสถานทูต เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายอีกด้วย

ภาพข่าว/พัชรพล  ปานรักษ์   รายงานข่าว/ฐนกร เปรมสมบัติ