อีอีซี ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมืองจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นปรับแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินฯ รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมฯ ที่จะเพิ่มขึ้น

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ สกพอ. ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง จัดประชุมรับฟังความคิดเห็น เรื่อง แผนผังการใช้ประโยชน์ ในที่ดินและแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2562 (แก้ไขเพิ่มเติม) (ระดับจังหวัด) เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใน อีอีซี ที่จะเพิ่มขึ้น ให้เพียงพอ

เมื่อวันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2565 เวลา 08.30 – 12.00 น.ณ ห้องสร้อยเพชร 1 โรงแรมโกลเด้น ซิตี้ ระยอง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ว่าที่ร้อยตรี พิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินและแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2562 หรือแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน อีอีซี (แก้ไขเพิ่มเติม)

ว่าที่ร้อยตรี พิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง

เนื่องจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2564 เห็นชอบให้มีการจัดตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพิ่มเติม 7 แห่ง ในจังหวัดระยองและชลบุรี โดยมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินตามประกาศ กพอ. ดังกล่าว ให้สอดคล้องกับเขตส่งเสริมฯ ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะต้องรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 30 ก่อนดำเนินงานต่อไป

นอกจากนี้ เนื่องจาก สภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.:EEC) และกรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) จึงได้พิจารณาทบทวนการใช้บังคับประกาศ กพอ. เรื่อง แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน อีอีซี ในส่วนของข้อกำหนด การใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณแนวเขตทางโครงการระบบคมนาคมและขนส่งประเภทถนน โดยร่วมกันจัดทำ ประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินและแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2562 (แก้ไขเพิ่มเติม) เพื่อนำไปรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า โครงการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี  รัฐบาลมุ่งหมายให้พื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง เป็นต้นแบบการพัฒนาเชิงพื้นที่สมบูรณ์แบบ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มีการลงทุนทั้งโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อุตสาหกรรมเป้าหมาย การพัฒนาเมือง ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม

และที่สำคัญ คือเรื่องการจัดทำแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน อีอีซี ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ สกพอ. ร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งเป็นแผนผังที่ ให้ความสำคัญและรองรับการพัฒนา 20 ปี ควบคู่กับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แบ่งโซนการใช้ที่ดินอย่างเป็นสัดส่วน พร้อมทั้งได้วางแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนทั้งในพื้นที่และผู้ที่มาใช้ประโยชน์พื้นที่ โดยแผนผัง อีอีซี มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2562

ปัจจุบันรัฐบาลได้มีการเตรียมความพร้อมด้านพื้นที่ เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใน อีอีซี ที่จะเพิ่มขึ้น ให้เพียงพอ โดยในปี 2564 ที่ผ่านมาได้จัดตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพิ่มเติม 7 แห่ง ประกอบกับจะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับโครงการถนนในแผนผัง อีอีซี ด้วย ส่งผลให้ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน อีอีซี ที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2562 ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง

ภายในงาน มีการนำเสนอ นโยบายและความก้าวหน้าการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดย นางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ ที่ปรึกษาพิเศษด้านพื้นที่และชุมชน สกพอ. นางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ ที่ปรึกษาพิเศษด้านพื้นที่และชุมชน  นายนครินทร์ ปลั่งพงษ์พันธ์ วิศวกรชำนาญการพิเศษ นางสาว วิชัญญาบำรุ่งชล นักผังเมืองชำนาญการพิเศากรมโยธาธิการและผังเมือง มาเป็นวิทยากรจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น ในวันนี้

โดยได้รับเกียรติจากแขกผู้มีเกียรติ  นายมนตรีนายมนตรี ชนะชัยวิบูลวัฒน์ ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง นายธวัชชัย สุภาผล โยธาธิการและผังเมือง จ.ระยอง  นายสงวน แสงวงศ์กิจ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ระยอง  นายพิธพร สมะลาภา ประธานหอการค้า จ.ระยอง  ผู้แทน YEC ระยอง  ผู้แทน กรมโยธาธิการและผังเมือ  ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ผู้แทนนายอำเภอ  ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ/ภาคเอกชน,ผู้นำชุมชน,ผู้ประกอบการ,ประชาชนในพื้นที่และสื่อมวลชน เข้าร่วม จำนวน 150 คน

รายงานข่าว/ฐนกร เปรมสมบัติ 0624200456