รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดงาน “เทศกาลผลไม้และของดีอำเภอแกลง” ประจำปี 2565
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 14 พค.65 ที่ ปั๊มไต๋ปิโตเลียม ต.ทางเกวียน อ.แกลง จ.ระยอง ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน “เทศกาลผลไม้และของดีอำเภอแกลง”ประจำปี 65 โดยมี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ.นายอนันต์ นาคนิยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง หัวหน้าส่วนราชการ กำนันผู้ใหญ่บ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับอย่างคับคั่ง
นายอนันต์ นาคนิยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า จังหวัดระยองเป็นหนึ่ง 1ใน 3 จังหวัด ของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC มีการแบ่งการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ 58 ตำบล 442 หมู่บ้าน ประชาชนประกอบอาชีพหลากหลาย ซึ่งอยู่ทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และภาคการท่องเที่ยว โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด อุท
ยานแห่งชาติเขาชะเมา – เขาวง หาดแม่รำพึง หาดแหลมแม่พิมพ์ เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว จังหวัดระยองยังเป็นแหล่งผลิตผลไม้เมืองร้อนที่สำคัญ โดยมีข้อมูลทางสถิติจากสำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง พบว่า ในปี 2564 จังหวัดระยองมีผลผลิตผลไม้
าคัญ 4 ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ส่งออกสู่ท้องตลาดจำนวน 139566 ตันเป็นมูลค่า 14,244 ล้านบาท และในปี 2565 คาดการณ์ว่าจะมีผลผลิตผลไม้ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น จำนวน 175,862 ตัน คิดเป็นมูลค่า 14,785 ล้านบาท การจัดงานในครั้งนี้จะช่วยสร้างการรับรู้ที่ดี ให้อำเภอแกลง และจังหวัดระยองเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เพิ่มศักยภาพในด้านการจำหน่ายผลไม้ของเกษตรกร สร้างขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรที่ผลิตผลไม้เป็นอาชีพหลัก และเผยแพร่ผลผลิตสินค้า(OTOP) ในพื้นที่ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง 4 วัน
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.กษ.กล่าวว่าในเดือนเม.ย. 65 ได้สรุปตัวเลขปริมาณผลผลิตของไม้ผล 4 ชนิด ได้แก่ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ในพื้นที่ 3 จังหวัด (ระยอง จันทบุรี ตราด) พบว่า ผลผลิต
รวมทั้ง 4 ชนิด เพิ่มขึ้นจากปี 64 ร้อยละ32เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น และมีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 25ส่งผลให้เอื้อต่อการออกดอกและติดผล แม้จะมีภัยธรรมชาติจากลมพายุช่วงปลายปี 64
และเดือน กพ.-มีค. 65 ที่ทำให้ดอกและลูกร่วงเสียหาย แต่ในภาพรวมปริมาณผลผลิตยังคงมากกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผลผลิตได้ทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจะออกต่อเนื่องจนถึงกลางเดือนกย.65 โดยผลผลิตจะออกมากที่สุดช่วงเดือนพค.65(คิดเป็นร้อยละ51ของผลผลิตทั้งหมด ผลผลิตผลไม้ไทยปีนี้อาจเพิ่มขึ้นถึง 32% จึงต้องเตรียมมาตรการรับมือ เพื่อไม่ให้กระจุกตัวและเกิดปัญหาราคาตกต่ำ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 1.6 แสนล้านบาท โดยเฉพาะทุเรียนส่งออกทะลุแสนล้านเป็นครั้งแรก
สำหรับมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 65 ประกอบด้วย 17 มาตรการ เพื่อดูแลบริหารจัดการผลไม้ทั้งระบบ เป็นมาตรการหลักในการขับเคลื่อน อาทิ
- มาตรการเร่งรัดตรวจและรับรอง GAP ซึ่งมีเป้าหมายในปี 65 ไม่ต่ำกว่า120,000 แปลง 2.มาตรการช่วยผู้ประกอบการ หรือเกษตรกร หรือล้ง กระจายผลผลิตผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต กิโลกรัมละ 3 บาท ปริมาณ 80,000ตัน 3.มาตรการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออกโดยจะช่วยเหลือดอกเบี้ย 3% และช่วยผู้ส่งออกที่ส่งออกผลไม้ อีกกิโลกรัมละ 5 บาท ปริมาณ 60,000 ตัน กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนให้มีการใช้พระราชบัญญัติกษตรพันธสัญญา การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าด้านผลไม้ โดยจะสนับสนุนให้มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเกษตรกรได้ทราบว่าขายผลไม้ได้เท่าไหร่ มีคนซื้อที่มีหลักประกัน เซ็นสัญญาตามกฎหมายชัดเจนไม่ต่ำกว่า 30,000 ตัน 5.มาตรการส่งเสริมการบริโภคผลไม้ในประเทศ เป็นต้น
การจัดงานในครั้งนี้เพื่อประโยชน์แก่พี่น้องกษตรกรในด้านการจำหน่ายสินค้าการเกษตร และเพื่อประโยชน์ในด้านการท่องเที่ยวในอำเภอแกลง ที่สำคัญมีการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพและมีมูลค่า ขยายโอกาสทางการตลาดไปสู่ภายในและภายนอกประเทศและพัฒนาเป็นเกษตรอุตสาหกรรมและเกษตรท่องเที่ยว
เดชา สุวรรณสาร ผสข.ภาคตะวันออก